Saturday, August 1, 2015

CAT2

มาจะกล่าวบทไป
เหตุว่าวิฬาร์น้อยไม่มีบ้าน
ด้วยไม่อยากให้พวกมันต้องร้าวร้าน
แสนสงสารจึงรับมาเลี้ยงดู

ให้พวกมันได้ที่พักไว้ชั่วคราว 
ร้องเมี๊ยวม๊าวให้อิ่มท้องได้ชั่วครู่
แล้วจะหาบ้านใหม่ให้มันอยู่ 
หวังมีผู้สนใจรับไปเลี้ยง

พิมพ์โปสเตอร์เดินออกไปในเมือง
ไปฝากเรื่องกับชมรมกระจายเสียง
เจ้าข้าเอ้ยใครอยากได้แมวไปเลี้ยง
ก็ขอเพียงแค่ติดต่อกลับมาหา

แมวแค่สี่ตัวข้าก็เลี้ยงไหว
แต่น้ำใจนั้นแสนสุดปราถนา
วอนมาช่วยรับไปเลี้ยงด้วยเมตตา 
แล้วตัวข้าจะมอบสินน้ำใจ

//ร้านSakura bookshop กลายเป็นคาเฟ่แมวชั่วคราว  เจ้าของร้านประกาศเปิดโรลหาคนมารับไปเลี้ยง  ติดต่อได้ที่ https://twitter.com/HJC_TE  ทั้ง twit และ Direct message  หรือคอมเม้นโรลในบล็อคก็ได้จ้า    //ความเดิมตอนที่แล้ว http://i-innocent.blogspot.com/2015/08/costorycat1.html

CoStory_CAT_1

ตัวละครที่กล่าวถึง @TE_MITSUNO  @TE_Iwa_Teruki

วันนี้อากาศค่อนข้างอึมครึม  เมฆสีเทาปกคลุมทั่วทั้งแผ่นฟ้าตั้งแต่ตอนเช้า  เดาได้ไม่อยากเลยว่าฝนกำลังมา
เวลาแบบนี้ผู้คนคงไม่อยากออกไปข้างนอกเท่าไร   สายลมที่พัดกรรโชก  เสียงฟ้าร้อง  และกลิ่นไอฝน   ทั้งหมดนี่ชวนให้นอนอุดอู้อยู่บนเตียงมากกว่า แต่ผมเพิ่งอ่านหนังสือที่เพิ่งสั่งเข้ามาในร้านมาจบไปสองเล่ม การออกไปเดินเล่นข้างนอกนั่งมองฝนตกก็ดีเหมือนกัน   เปลี่ยนบรรยากาศหลังจากนั่งหมกตัวในร้านของตัวเองมาครึ่งค่อนวัน

ผมหยิบร่มพร้อมของกินเล็กน้อยใส่กระเป๋าแล้วออกมาจากร้าน  ปล่อยให้พนักงานในร้านทำหน้าที่แทน   จุดหมายในเย็นนี้คือศาลเจ้าในเมือง สถานที่เงียบๆแห่งหนึ่งของเมือง เหมาะแก่การเดินเล่นคนเดียว

เดินไปยังไม่ทันถึงศาลเจ้าดี ฝนก็เริ่มลงเม็ด

เมื่อเดินเข้าไปก็พบเด็กนักเรียนหญิงผมสีทองคนหนึ่งยืนหลบฝนอยู่ก่อนแล้ว   เธอกำลังหยิบแมวจรจัดตัวหนึ่งที่เดินผ่านหน้าขึ้นมาอุ้ม

ปรกติแล้วผมเป็นคนไม่ค่อยอยากทักคนแปลกหน้าก่อนถ้าไม่จำเป็น   แต่ก็อนุมานได้ว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคงเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยน   แน่ล่ะคนที่รักสัตว์และใจดีกับสัตว์ก็ควรใจดีกับคนด้วยละนะ

พอคิดแบบนี้แล้ว  ก็รู้สึกไม่ประหม่าเท่าใดนัก   ผมเดินเข้าไปหาเธอ ทักทายด้วยรอยยิ้ม

"แมวตัวนี้เชืองดีนะครับ  ยอมให้อุ้มง่ายๆเลย  แต่ระวังเรื่องความสะอาดด้วยก็ดีนะครับ  เพราะคงไม่มีใครอาบน้ำให้"

เธอสะดุ้งเล็กน้อยกับคำพูดของชายแปลกหน้าแล้วก้มมองแมว

พอได้สังเกตใกล้ๆแล้วก็พบว่ามันเองก็ทำหน้าตาไม่เต็มใจนัก

เธอตอบกลับมา   "ค่ะ ฉันจะระวังให้ดี แต่เห็นมันเปียกฝนอยู่ ถ้าปล่อยไว้อย่างนั้นน่าสงสารออกนี่คะ"

อย่างที่คิดเอาไว้  เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีเมตตากับสัตว์จริงๆด้วย

" เป็นคนที่ใจดีจังเลยนะครับ  ถ้าปล่อยให้มันตากฝนแบบนี้ก็น่าสงสาร"

โชคดีที่หยิบขนมปังติดตัวมาด้วยก่อนออกจากร้าน ผมยื่นขนมปังให้มันกิน

เจ้าแมวที่ตอนแรกทำท่าจะขู่ฝ่องับมือของชายแปลกหน้า  พอเห็นขนมมาล่อมันก็งับขนมปังแต่โดยดี

"ใช่มั้ยคะ ยิ่งไม่มีใครดูแลมันด้วย นึกแล้วก็สงสาร"

"อืมก็คงงั้นแหละครับ"   ผมตอบ  แล้วหยิบมันขึ้นมาอุ้มหลังมันกินขนมปังหมด   แล้วก็พบว่าแมวตัวนี้ค่อนข้างหนักพอสมควร  ขนก็นุ่ม
"แต่ดูจากรูปร่างแล้วมันก็ไม่ได้ผอมอะไรนะครับ  ขนก็นุ่มลื่นดูสุขภาพดี ผมเดาว่าคงมีคนใจดีคอยให้อาหารและดูแลมันอยู่ตลอดแน่ๆเลยล่ะ"

พูดจบก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้แนะนำตัวกับคู่สนทนา
" อ่อ ผม แฮจูชางนะครับ เป็นเจ้าของร้านหนังสือซากุระบุ้คชอป  ว่างๆก็ไปนั่งเล่นที่ร้านของผมได้นะครับ"  
นามบัตรในกระเป๋าถูกหยิบออกมา

เธอรับมามองดู  ซักพักก็เลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
" ไว้เดี๋ยวฉันจะแวะไปแล้วกันนะคะ  ว่าแต่คุณเป็นคนต่างชาติเหรอคะ?"

"ครับ  ครอบครัวผมมาจากเกาหลีใต้น่ะครับ  แต่เพราะเรียนที่ญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กจนโตผมเลยพูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยน่ะครับ"

"ถึงว่าล่ะทำไมถึงได้พูดภาษาญี่ปุ่นคล่องมากเลย คุณมาอยู่ที่นี้คงต้องปรับตัวหลายอย่างเลยสินะคะ"

"ผมอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดเลยล่ะครับ แทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย เหมือนเป็นคนญี่ปุ่นที่ถือสัญชาติเกาหลีหลีใต้น่ะครับ ฮ่าๆ"

"ถึงว่าล่ะ" เธอตอบพร้อมพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ "ฉันนึกว่าคุณเพิ่งย้ายมาทีหลังซะอีก" 
ร้อยยิ้มปรากฎบนใบหน้าหญิงสาว "ที่เปิดร้านหนังสือแบบนี้แสดงว่าคุณคงชอบอ่านหนังสือสินะคะ"

ผมลูบแมวในมือพลางตอบคำถามของเธอ "ใช่ครับ อันที่จริงร้านผมก็เพิ่งสร้างยังเหลือพื้นที่อีกเยอะ ทำคาเฟ่แมวก็น่าจะดีนะครับ ฮ่าๆๆ"

ผมไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของตัวเองนัก  แค่หาเรื่องชวนคุย  แต่ปฎิกิริยาของอีกฝ่ายกลับผิดคาด
"เอาสิคะ" เธอตอบด้วยสายตาที่เป็นประกาย ท่าทางที่มุ่งมั่นเหมือนกับคำพูดของเธอ"ฉันจะไปเป็นลูกค้าประจำเลยล่ะค่ะ"


คำพูดนั้นทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อย แต่เห็นแววตาของเธอแล้วผมก็ไม่กล้าพูดไปตรงๆว่านั้นเป็นการล้อเล่นเฉยๆ คำพูดอื่นถูกใช้แทน "อืมแล้วผมจะเก็บเอาไปคิดนะครับ ระหว่างนี้ถ้าคุณว่างก็ลองมานั่งเล่นที่ร้านของผมบ้างนะครับ ผมจะเตรียมเครื่องดื่มไว้ให้"

"ได้เลยค่ะ รบกวนคุณด้วยนะคะ" เธอยิ้มตอบ แล้วแหงนหน้าฟ้าที่เริ่มสงบ "ดูเหมือนฝนจะหยุดตกแล้วล่ะค่ะ"

แมวในมือผมวิ่งกลับเข้าไปในศาลเจ้า ผมลุกขึ้นแล้วหันมาบอกลากับเธอ "แล้วค่อยพบกันใหม่ ผมจะเตรียมเครื่องดื่มรอนะครับ"

เธอตอบแล้วโบกมือลา "ได้ค่ะ ไว้เจอกันนะ"



//////--------------------------------------------------------------------------------------------------------------///////
คาเฟ่แมวเหรอก็น่าสนใจดี ผมคิดในระหว่างที่เดินกลับร้าน มันคงเป็นแค่ความคิดต่อไป ถ้าหากว่าผมไม่เจอเด็กผู้หญิงอีกคนซะก่อน เด็กสาวผมสั้นสีขาวใส่แว่นท่าทางเหมือนเด็กผู้ชาย เธอกำลังเก็บลูกแมวหนึ่งคอกมาจากใต้สะพานที่กำลังน้ำท่วม เสื้อผ้าของเธอเลอะโคลนไปหมด ลูกแมวทั้งสี่ตัวปลอดภัยในอ้อมอก แต่สีหน้าผู้ที่อุ้มพวกมันอยู่ดูเป็นกังวล

"สงสัยจะได้เปิดคาเฟ่แมวจริงๆซะแล้วซิ แมวตั้งหนึ่งครอก ไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนเดียวจะจัดการไว้มั้ยนั้น" คิดในใจก่อนเดินเข้าไปทักทาย

"เออ ท่าทางคุณกำลังลำบากอยู่ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ"

"อ้ะ ขอบคุณที่ทักค่ะ กำลังหนักใจได้ที่เลย" เธอตอบกลับมาพร้อมกอดเด็กๆ เมี้ยวๆ ทั้งสี่ตัวไว้กับอก เพราะพวกมันกำลังหนาว

"ถ้าจะเลี้ยงหมดคงไม่ไหว พาไปที่ร้านของผมก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวค่อยประกาศหาคนอุปการะทีหลัง" ไม่น่าเชื่อว่าจากที่พูดเล่นๆกับสาวผมทองเมื่อชั่วโมงก่อนจะกลายเป็นว่าผมต้องลงมือทำจริงๆ

"ที่บ้านฉันเลี้ยงนกน่ะค่ะ กลัวนกจะกัดเด็กๆ พวกนี้" เธออธิบายสาเหตุที่เลี้ยงไว้ที่บ้านไม่ได้ระหว่างเดินตามผมมา

"อืม งั้นเหรอครับ" ผมหันไปคุย นึกในใจว่าเด็กคนนี้ภายนอกดูห้าวๆจากการสาวคนแรกที่ผมเจอเมื่อชั่วโมงก่อน แต่ข้างในกลับใจดีกับสัตว์ไม่ต่างจากเธอคนนั้น  
"เป็นคนที่ใจดีจังเลยนะครับ ผมเพิ่งเคยเห็นเด็กที่ยอมให้เสื้อผ้าสวยๆของตัวเองเลอะเพื่อช่วยแมว เออที่ร้านของผมชั้นสามมีห้องอาบน้ำอยู่ถ้าไม่รังเกียจจะใช้อาบก็ได้นะครับ น้องสาวผมทิ้ทิ้งเสื้อผ้าไว้ประจำเวลาที่มาหาผมที่ร้าน ถ้ายังไงจะใช้เปลี่ยนก็ได้นะครับ จะได้ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าเลอะๆกลับบ้าน"
ผมยื่นขอเสนอให้เธอ ถึงแม้ว่าฝนจะหยุดไปแล้ว แต่ผมก็ไม่อยากให้เธอต้องเดินใส่เสื้อผ้าเปียกๆกลับบ้าน ซอนมีมาหาผมที่ร้านบ่อยๆ เสื้อผ้าของเธอบางตัวก็ถูกทิ้งไว้ในห้องของผม

"ฉันไม่อยากรบกวนขนาดนั้นค่ะ ตัวเปียกขนาดนี้แล้ว ฉันลุยฝนกลับบ้านเลยดีกว่า ขอรบกวนแค่ที่นอนอุ่นๆ ให้ตัวเล็กก็พอค่ะ" เธอตอบพร้อมยิ้มกว้าง

ผมมัวยุ่งอยู่กับการเตรียมที่นอนให้สมาชิกใหม่ของร้านทั้งสี่ตัว จนลืมให้นามบัตรสาวแว่นคนนี้ แถมยังลืมถามชื่อเธอด้วย แต่ช่างเถอะ เธอรู้จักร้านของผมแล้ว และอีกไม่นานเธอคงแวะกลับมาเยี่ยมผู้รอดชีวิตที่เธอได้ช่วยเอาไว้แน่ๆ


















Wednesday, July 29, 2015

อินโทร


        ครั้งแรกที่ผมตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย  พ่อกับแม่ผมไม่พอใจพอสมควร  ผมอธิบายไปว่า  ผมอยากใช้เวลากับสิ่งที่ตัวเองรักมากกว่าการไปจมจ่ออยู่ในห้องแลคเชอร์ของมหาลัย

        ฟังดูเหมือนประโยคของคนที่มีความฝัน  นั้นก็ถูก  ผมมีความฝันที่อยากจะอยู่ในโลกของวรรณกรรมมากกว่าโลกการเงิน   แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือความขี้เกียจ   ผมขี้เกียจเข้าห้องแลคเชอร์  ผมคิดว่ามีอะไรที่อยากทำมากกว่าการเอาเวลามานั่งเรียนในห้อง  ในวิชาที่ผมสามารถเปิดหนังสืออ่านเองก็ได้   และวิชาการเงินก็ไม่ใช่วิชาที่ผมชอบ

        ผมรักหนังสือ  ผมชอบอ่านวรรณกรรมดีๆ  สำหรับผมแล้วการอยู่ในห้องสมุดนั้นน่าสนุกกว่าอยู่ในห้องเรียนเสียอีก   โชคดีที่ผมสามารถใช้ได้หลายภาษา  ตั้งแต่เด็กมาที่บ้านเราคุยกันด้วยภาษาเกาหลี   เวลาอยู่ที่โรงเรียนใช้ภาษาญี่ปุ่น   ส่วนภาษาอังกฤษผมไม่คล่องแคล่วมากนัก  แต่ก็พออ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษได้  และพอฟังรายการ NHK World รู้เรื่องนิดหน่อย

        ด้วยเหตุผลนี้ผมจึงเสนอพ่อกับแม่ไปว่า   ผมจะใช้ความสามารถทางภาษาของผมทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองให้ได้และไม่รบกวนทางบ้านอีก   ถ้าภายใน 1 ปีผมทำไม่ได้  ผมจะยอมกลับเข้าไปเรียนในมหาลัยอีกครั้ง

         ผมตั้งใจว่าจะใช้ความสามารถด้านภาษาทำงานแปล   เพื่อนๆของผมที่รู้ข่าวก็ช่วยเหลือผมอยากเต็มที่   ภายในเวลาไม่ถึงเดือนผมได้รับงานมาหลายชิ้นทีเดียวเมื่อคิดว่าผมเป็นแค่นักแปลมือใหม่   จากการทำงานหนัก  เพียงแค่ครึ่งปีพ่อกับแม่ก็เห็นว่าผมทำตามคำพูดของตัวเองได้   ทั้งสองคนไม่พูดเรื่องมหาลัยกับผมอีก   แถมยังส่งเงินก้อนใหญ่มาให้ผม  ท่านบอกว่าให้ใช้ทำกิจการเล็กๆของตัวเองดูนะ

         และนั้นคือจุดเริ่มต้นของร้านหนังสือของผม  


ประวัติ

สกุล - ชื่อ : แฮ จู ชาง
สัญชาติ : เกาหลีใต้
อายุ : 21


ร้านค้า : .  ซากุระบุ๊คแอนด์คอฟฟี่
วันเวลาทำงานสำหรับคนมาทำงานพาร์ทไทม์ : ทุกวัน  มีสองกะ  กะเช้า 08.00-12.00  กะเย็น 15.00-18.00
นิสัย :  ค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว  แต่ฉลาดทันคนจากประสบการณ์ในอดีต   มีความรู้รอบตัวสูงเพราะชอบอ่านหนังสือ  
ส่วนสูง / น้ำหนัก : 168/59
อาชีพ :  ชาวเมือง (เจ้าของร้านซากุระบุ๊คแอนด์คอฟฟี่)

บล็อก : http://i-innocent.blogspot.com